Home







กูกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยะมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตเข้าแลกไว้ ไอ้อีมันผู้ใด คิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤๅ กระทำการทุจริตก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโครต ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกู ตราบใดที่คำว่า "อาภากร" ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น.
วิธีการตรวจอานุภาพของวัตถุ มวลสาร ศักดิ์สิทธิ์

การตรวจพลังในวัตถุมงคลนั้น .....เรียกว่า.... วิชชา "กายหัตถรังสี" หรือ วิชชา "เดินจิต"..... ต้องรู้หลักในการกำหนดจิต ....ส่งจิต.... และอธิษฐานจิต..... ด้วยอุปจารสมาธิ...... หากชำนาญเป็น "วสีภาวะ" จะสามารถรู้ได้อย่างรวดเร็วและละเอียดลึกซึ้ง..... สามารถรู้ถึงพิธีกรรมการปลุกเสกหรือการอธิษฐานจิตของครูบาอาจารย์ได้ ........สามารถเห็นรัศมีที่อยู่ภายในวัตถุนั้นๆได้ .......ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง พระบูชา หรือเครื่องรางของขลังใดๆ....... และจะเห็น "รูปนิมิต" ที่สถิตอยู่ภายใน หากปลุกเสกด้วย การตั้งองค์พระ หรือ การตั้งธาตุ เรียกรูปเรียกนามตามสายวิชชา...... อาจครอบด้วย "นวหรคุณ" หรือ วิมานแก้วพระพุทธเจ้า ตาข่ายเพชร เกราะเพชร มงกุฎเพชร จักรแก้วพระพุทธเจ้า ฯลฯ ดังนี้เป็นต้น .....แต่หากเพียงแค่ทำการอธิษฐานจิตด้วยบารมีธรรม....... ก็จะเห็นแต่เพียง รังสีสว่างสีขาวนวล อันเป็นผลรวมของรังสีทั้งเจ็ดคลื่นความถี่...... บ้างก็มีรังสีต่างๆกันไป....... แต่จะไม่มีรูปนิมิตใดๆ ปรากฏ ......ยกเว้น จะมีการเสกทั้งสองรูปแบบ... จึงจะปรากฏทั้งรูปนิมิตและรังสี....

การตรวจพลังในองค์พระอย่างง่ายๆ ......ก็คือ.... ใช้นิ้วชี้ นิ้วโป้ง และนิ้วกลาง (มือซ้ายจะดีกว่ามือขวา เพราะสัมพันธ์กับสมองซีกขวา อันเป็นด้านของพลังจิต) ......จับสัมผัสองค์พระเบาๆ ......กำหนดจิตให้นิ่ง....... แล้วสังเกตถึงกระแสพลังที่แล่นเข้ามาในตัว
หากมีกระแสรุนแรง จนขนลุกชันทั้งตัว หรือท่วมศรีษะ แสดงว่ามีพลังสูงมาก.....
กระแสที่เยือกเย็นคือพลังแห่งเมตตา... กระแสที่คลุมทั้งตัวคือคุ้มครอง... กระแสที่ทำให้ผิวหนังตึงไปทั้งตัว จนตัวอาจถึงชา คือ คงกระพัน จนถึง ชาตรี ......กระแสที่แผ่ออกไปรอบๆตัวคือแคล้วคลาดปัดตลอด...... (ถ้าจะฝึกจับครั้งแรก ต้องเป็นพระที่มีพลังแรงๆ จึงจะสังเกตรู้ได้ง่ายกว่า) ...

ซึ่งวิธีนี้หากเราเดินพลังย้อนเข้ามาในตัว ....จะสามารถกักเก็บพลังในองค์พระได้ .... เป็นการปรับกระแสคลื่นความถี่หรือพลังรัศมีกายทิพย์ของเราให้สว่างขึ้นชั่วขณะหนึ่ง .....หลวงปู่ดู่ กล่าวว่า เป็นการเรียกพระเข้าตัว ......โดยที่พลังในองค์พระหรือวัตถุมงคลนั้นๆ ไม่ได้หายไป ..... เป็นส่วนหนึ่งของ "วิชชาเดินจิต" หรือ จะเรียกว่าเป็น... "วิชชามหาเวทย์ดูดดาว" ...ก็ได้ .......ถ้าจะให้พลังอยู่คงทนยาวนาน ต้องมีคาถากำกับหรือมีสมาธิจิตที่มั่นคง ช่วยให้ "จักระ" ภายในตัวเปิดออก... หากพลังสะสมได้ถึงระดับ จะเกิด "ตาที่สาม" ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ .......และสามารถดึงเอาพลังงานในอากาศและจักรวาลเข้ามาในตัวได้ตลอดเวลา .....(พลังปราณ หรือ พลังจักรวาล หรือ พลังธาตุบริสุทธิ์ ...หรือแม้กระทั่ง....."พลังงานแห่งคุณพระรัตนตรัย"....)


และยังมีวิธีตรวจสอบอานุภาพในองค์พระอีกหลายวิธี ....เช่น.... การตรวจด้วยกายทวาร... (เอามือกำพระ แล้วบริกรรมคาถาอัญเชิญ มือจะยกลอยขึ้นเอง แล้วมีท่าต่างๆปรากฏ)
Free Web Hosting